การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรมและการดูแลพนักงาน พ.ศ. 2563

บริษัทเชื่อว่าทรัพยากรบุคคลเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจเพื่อการสร้างมูลค่าและผลตอบแทนให้แก่กิจการ เนื่องจากการปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ของบริษัท จำเป็นต้องใช้ความรู้ ความสามารถ รวมทั้งความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการทำงานให้บรรลุเป้าหมาย บริษัท จึงกำหนดแนวทางการปฏิบัติต่อพนักงานบริษัท โดยผู้บริหารจะต้องปฏิบัติต่อพนักงานอย่างยุติธรรม บริหารงานโดยความไม่ลำเอียง สนับสนุนในการสร้างศักยภาพในความก้าวหน้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงาน รวมทั้งส่งเสริมให้พนักงานมีความเข้าใจในเรื่องจรรยาบรรณที่พนักงานต้องพึงปฏิบัติและไม่มีการฝ่าฝืนจรรยาบรรณธุรกิจ บริษัทจัดสวัสดิการให้แก่พนักงานอย่างเหมาะสม และปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความสุจริตใจด้วยการรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างมีเหตุผลและจัดให้มีการจ่ายค่าตอบแทนที่เหมาะสมและเป็นธรรม ตามความรู้ ความสามารถ รวมถึงบทบาทหน้าที่รับผิดชอบ และผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้น อีกทั้งได้จัดสวัสดิการที่ดีและแข่งขันได้ในระดับเดียวกับองค์กรชั้นนำที่เป็นสากลให้แก่พนักงาน อาทิเช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, สหกรณ์ออมทรัพย์, สวัสดิการเงินกู้ยืม, ทุนการศึกษาพนักงานและบุตร และอื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมพนักงานสัมพันธ์ในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และความสุขในการทำงานร่วมกับองค์กรต่อไป อีกทั้งให้ความสำคัญด้านแรงงานสัมพันธ์มาอย่างต่อเนื่องในรูปแบบคณะกรรมการสวัสดิการในสถานประกอบกิจการในปี พ.ศ.2563 มุ่งหมายที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานในการทำงานร่วมกับองค์กรต่อไป โดยมีการสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Satisfaction Survey : ESS) พบว่ามีค่าเฉลี่ยคะแนนประเมินความพึงพอใจ 85%ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายความพึงพอใจของพนักงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 โดยมีหัวข้อที่พนักงานให้ความพึงใจมากที่สุดในด้านความภาคภูมิใจในการทำงานร่วมกับบริษัท คิดเป็น 60% จากพนักงานที่ตอบแบบประเมิน จากผลสรุปดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพนักงานมีความภาคภูมิใจในองค์กร มีความยินดีที่ผู้อื่นกล่าวถึงองค์กรในทางที่ดี ส่งผลให้พนักงานร่วมกันสร้างจิตสำนึกและรักษาภาพลักษณ์ที่ดีต่อองค์กร และในส่วนของผลสำรวจความพึงพอใจที่น้อยที่สุดคือ หัวข้อ “โอกาสและความก้าวหน้า”สายงานทรัพยากรบุคคลจึงทำการวิเคราะห์ถึงสาเหตุต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อพนักงานในความพึงพอใจดังกล่าว และพิจารณาจัดทำโครงการ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” ในปี พ.ศ. 2564 เพื่อให้พนักงานในองค์กรพัฒนาทักษะความสามารถและเห็นความก้าวหน้าในอาชีพของตน  อีกทั้งมอบข้าวสารและฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่แก่พนักงานทั่วประเทศ เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทั่วประเทศ ด้วยความห่วงใยแก่พนักงาน บริษัทจึงมีนโยบายเร่งด่วนจากผู้บริหารในการมอบข้าวสารให้พนักงานทีคิวเอ็มทั่วประเทศและเพิ่มความห่วงใยในด้านสุขภาพของพนักงานจึงจัดให้มีสวัสดิการการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 5 สายพันธุ์ แก่พนักงานทีคิวเอ็มและพนักงานในกลุ่มบริษัททุกคน รวมถึงการจัดสวัสดิการสถานที่ออกกำลังกาย ณ สถานที่กรมยุทธโยธาทหารบก และสนามแบดมินตัน เสนาเซ็นเตอร์ เพื่อให้พนักงานได้ออกกำลังกาย มีสุขภาพที่แข็งแรง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บริษัทจึงมีอัตราการลาป่วยลดลงร้อยละ 3.28 หรือลดลง 407 วัน เมื่อเทียบกับสถิติจำนวนวันลาป่วยของพนักงาน ในปี พ.ศ. 2562 มีการลาป่วยทั้งสิ้น 12,414 วัน และในปี 2563 ที่ผ่านมามีการลาป่วยจำนวนทั้งสิ้น 12,007 วัน

นโยบายความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล